การประจักษ์ของแม่พระกุหลาบทิพย์ (Maria Rosa Mystica) |
การประจักษ์ของแม่พระที่มอนติกิอารี
ในเมืองเล็กๆ แห่งมอนติกิอารี ไม่ไกลจากทะเลสาบการ์ดาอันงดงาม เมืองที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา มีพลเมือง 14,000 คน เมืองนี้ตั้งอยู่บนเนินภูเขาอันโดดเด่น และเห็นได้อย่างชัดเจนและภูเขาเหล่านี้ยังเป็นที่มาของชื่อเมืองอีกด้วย เมืองนี้อยู่ติดกับเมืองเบรสเซีย ในแคว้นลอมบาร์ดี ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี
การประจักษ์ครั้งแรกในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1947
แม่พระได้ขอให้เรา "อธิษฐานภาวนา การพลีกรรม และทำการใช้โทษบาป"
การประจักษ์ครั้งที่ 2 วันที่ 13 กรกฎาคม 1947
พระแม่ประจักษ์แก่ปีเอรีนาในชุดสีขาว ประดับด้วยดอกกุหลาบอันสวยงาม 3 ดอก ได้แก่ สีขาว สีแดง และสีเหลือง ซึ่งปีเอรีนาเห็นว่าดอกกุหลาบมาประดับแทนที่ดาบทั้ง 3 เล่ม ดอกกุหลาบสีขาวหมายถึงการภาวนา สีแดงหมายถึงการพลีกรรม และสีเหลืองหมายถึงการสำนึกผิดกลับใจใช้โทษบาป
ปีเอรีนาถามว่าจะมีอัศจรรย์เกิดขึ้นตามมาหรือไม่ พระนางตอบว่า "อัศจรรย์ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ทุกคนจะถวายจิตวิญญาณแด่พระเป็นเจ้า - คริสตชนที่ไม่แยแสและไม่ซื่อสัตย์ต่อกระแสเรียกมาเป็นระยะเวลานานแล้ว เป็นผลให้เกิดการลงโทษและการกดขี่ข่มเหง ซึ่งเป็นสิ่งที่โหมกระหน่ำต่อพระศาสนจักรในปัจจุบัน จะหยุดทำเคืองพระทัยพระเป็นเจ้า พวกเขาจะกลับไปดำเนินชีวิตตามเจตนาดั้งเดิมดังนักบุญอีกครั้ง"
ปีเอรีนาผู้เห็นนิมิตตีความหมายของคำว่า 'กุหลาบทิพย์' ดังนี้ "แม่พระคือครูผู้นำจากส่วนที่อยุ่ลึกที่สุด ชีวิตที่มหัศจรรย์ และพระมารดาของกายทิพย์ของพระเยซูคริสตเจ้า พูดอีกนัยหนึ่งคือ พระนางเป็นพระมารดาของพระศาสนจักร" การตีความของปีเอรีนานี้ได้รับการยืนยันอย่างภาคภูมิจากพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์สุดท้ายในการประชุมสมัยที่ 3 เมื่อวันที่ 21 พฤศจิการยน 1964 โดยไม่พิจารณาถึงผู้สังเกตการณ์จากคริสตจักรที่แยกตัวออกไปจากพระศาสนจักร พระองค์ก็ประกาศให้พระนางมารีเป็นพระมารดาแห่งพระศาสนจักร ท้ายสุดพระองค์ก็เปิดใจและตรัสว่า "ในอนาคตเราปรารถนาให้พระนางพรหมจารีผู้ซึ่งได้รับพระพรสูงสุด จะยังคงได้รับพระเกียรติในพระนาม 'แม่พระกุหลาบทิพย์' และคริสตชนจะกล่าวถึงพระนามอันน่ารักยิ่งนี้ต่อไป" คำประกาศสั้นๆ แต่ล้ำลึกแห่งจิตวิญญาณจากพระศาสนจักรครั้งนี้เป็นหลักประกันความถูกต้องให้กับเรา และยังรู้สึกมั่นใจได้มากขึ้นอีก ในยามที่เราแสดงความเคารพต่อพระแม่ในพระนาม "แม่พระกุหลาบทิพย์"
การประจักษ์ครั้งที่ 3 วันที่ 22 ตุลาคม 1947
ปีเอรีนาได้พบกับแม่พระที่วัดน้อยของโรงพยาบาลพร้อมกับพนักงานคนอื่นๆ หมอและประชาชนในเมือง ครั้งนี้แม่พระขอให้มีการเผยแพร่ความศรัทธาต่อแม่พระแก่คนทั่วไป และตรัสว่า "เราอยู่ในฐานะคนกลางระหว่างพระบุตรกับมนุษยชาติ โดยเฉพาะวิญญาณที่ถวายตนต่อพระเป็นเจ้า พระบุตรทรงเหนื่อยอ่อนต่อความประพฤติที่ไม่ดีของมนุษย์ และปรารถนาจะวางความยุติธรรมลงบนมนุษย์"
ปีเอรีนาขอบพระคุณแม่พระในนามของทุกคน แม่พระจบการสนทนาด้วยคำพูดว่า "จงดำเนินชีวิตในความรักเถิด"
การประจักษ์ครั้งที่ 4 วันที่ 16 พฤศจิกายน 1947
ต่อคำถามของผู้เห็นการประจักษ์ว่า พวกเราจะได้รับการอภัยจากพระเป็นเจ้าหรือไม่ แม่พระทรงตอบว่า "ได้ตราบเท่าที่ไม่มีการกระทำบาปอีกต่อไป" แล้วแม่พระก็จากไป
การประจักษ์ครั้งที่ 5 วันที่ 22 พฤศจิกายน 1947
ยิ่งกว่านั้น พระนางยังทรงให้สัญญาว่า "ในวันที่ 8 ธันวาคม เวลาเที่ยงวันเราจะประจักษ์มาอีกครั้งในอาสนวิหารนี้ จะเป็นชั่วโมงแห่งพระหรรษทาน"
ปีเอรีนาขอให้แม่พระอธิบายความหมายของคำว่า 'เวลาแห่งพระหรรษทาน' "เวลาแห่งพระหรรษทานจะเป็นเวลาที่มีการกลับใจที่ยิ่งใหญ่ และจำนวนมากมาย หัวใจที่แข็งกระด้างและเย็นชาดุจเดียวกับหินอ่อนนี้ จะได้รับพระหรรษทานอันศักดิ์สิทธิ์ แล้วพวกเขาจะกลับมาเชื่อถือ และรักพระเป็นเจ้าอย่างซื่อสัตย์"
การประจักษ์ครั้งที่ 6 วันที่ 7 ธันวาคม 1947
การประจักษ์ครั้งที่ 7 วันที่ 8 ธันวาคม 1947
(จากเอกสารการประกาศของสมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 ปี 1996)