พระนางมารีย์: ต้นแบบของการสวดภาวนา |
พระนางมารีย์ เป็นต้นแบบของการสวดภาวนาที่สมบูรณ์ที่สุดของพระศาสนจักร เมื่อเราสวดภาวนาโดยผ่านทางแม่พระ ก็เท่ากับเราร่วมกับพระนาง ดำเนินชีวิตตามแผนการของพระบิดา ผู้ทรงส่งพระบุตรมากอบกู้มนุษย์ทุกคน ดังนั้น คำภาวนาของพระศาสนจักร จึงเป็นเสมือนการภาวนาโดยมีแม่พระเป็นผู้เสนอคำวิงวอน เพราะแม่พระร่วมอยู่ในพระศาสนจักรแห่งความหวังเสมอมา
บ่อยครั้ง เรารู้สึกท้อใจเพราะไม่รู้วิธีการสวดภาวนา ในสภาพเช่นนี้ ให้เราหันหน้าเข้าหาแม่พระ เพื่อขอให้พระนางสอนเราให้รู้จักวิธีการสวดภาวนาที่ถูกต้อง
พระนางมารีย์ทรงเตือนเราให้คิดถึงความสำคัญของการสวดภาวนา |
แม่พระกล่าวแก่หนูเมลานีและมักซีมิน ในการประจักษ์ที่ลาซาแล็ตว่า "หนูจงตั้งใจ ขณะที่กำลังสวดภาวนา" เด็กทั้งสองตอบว่า "พวกเราแทบจะไม่เคยสวดเลย"
"หนูเอ๋ย ต้องสวดภาวนาเช้าค่ำทุกวัน และหากไม่รู้ว่าจะสวดอะไร อย่างน้อยก็สวดข้าแต่พระบิดา และวันทามารีอาอย่างละบท แต่ถ้าหนูมีเวลา ก็ต้องสวดมากกว่านั้นอีก"
"ข้าแต่พระบิดา และวันทารีอาอย่างละบทใครบ้างจะไม่มีเวลา จนสวดไม่ได้" นายทหารคนหนึ่งพูดกับภรรยา ทุกเช้า เขาไม่เคยขาดการคุกเข่าสวดข้าแต่พระบิดาและวันทามารีอาเลย จนภรรยารู้สึกประหลาดใจ แม้แต่ขณะที่อยู่กลางสมรภูมิรบ เขาก็ยังหาเวลาสวดได้ เพราะอย่างน้อยทุกคนก็มีเวลามากพอที่จะใส่รองเท้าของตน
พระนางมารีย์แสดงให้เราห็นว่า การสวดภาวนา
มิใช่เรื่องยากลำบากมนุษย์เราชอบคิดเองว่า การสวดภาวนาเป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องซับซ้อนและต้องมีความรู้เกี่ยวกับพระเป็นเจ้าอย่างลึกซึ้ง หรือต้องเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง ซึ่งความจริงมิได้เป็นเช่นนั้นเลย เพราะ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องเริ่มสวดก่อน และขณะที่เราสวดนั้น เราจะเรียนรู้วิธีสวด และรู้จักพระเป็นเจ้า
ทุกครั้งที่แม่พระประจักษ์ แม่พระขอให้เราทำสิ่งที่ง่ายที่สุด เช่น แม่พระสอนวิธีทำสำคัญมหากางเขนอย่างถูกต้องแก่แบร์นาแด็ตในระหว่างการประจักษ์ที่เมืองลูร์ด หรือสอนนักบุญ แคธรีน ลาบูเร ให้สวดภาวนาอย่างเรียบง่ายว่า "ข้าแต่พระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล ขอช่วยวิงวอนเพื่อเราผู้ซึ่งเข้ามาขอพึ่งด้วยเทอญ"
พระนางมารีย์ทรงเชื้อเชิญให้เราสวดภาวนา
และไม่ทอดทิ้งพวกเราแม่พระจัดหาอุปกรณ์การสวดภาวนาที่ง่ายที่สุดให้แก่เราทุกคน คือ สายประคำ
สายประคำ มีวิธีสวดอย่างไรหรือ วิธีสวดสายประคำมีอยู่มากมาย สายประคำใช้เป็นเครื่องช่วยการภาวนาแบบรำพึงก็ได้ หรือสรรเสริญพระเป็นเจ้าก็ได้ ด้วยการคิดถึงข้อรำพึงต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับพระชนม์ชีพของพระเยซูเจ้า นอกจากนั้น เรายังสามารถสวดภาวนาอย่างง่ายที่สุดได้ เพียงคิดถึงพระนามที่ไพเราะของพระนางมารีย์และพระเยซูเจ้าก็ได้ ในการสวด "วันทามารีอา" แต่ละบท เราสามารถสวดให้ผู้ที่เราพบปะในชีวิตประจำวันก็ได้ และจากการสวดภาวนาซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้แหละ ข่าวดีแห่งการเสด็จมาถือกำเนิดเป็นมนุษย์ของพระเจ้าก็จะค่อยๆ เข้ามาในจิตใจของเราเอง เพราะสายประคำช่วยให้เราอยู่ต่อหน้าพระเป็นเจ้า ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์ของการสวดภาวนา
พระนางมารีย์สอนเราให้รู้จักการสวดภาวนาด้วยความเชื่อมั่นพระนางมารีย์คือ "ผู้ที่เคยมีความเชื่ออย่างมั่นคง" พระนางได้มอบความวางใจในพระเป็นเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม แม้ว่าสิ่งนั้นดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลยก็ตาม บางครั้ง เราอาจคิดว่า ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างง่ายดาย ก็เพราะเป็นพระนางมารีย์ และพระนางได้ใช้ชีวิตดูแลพระเยซูเจ้าอยู่ทุกวัน อย่างน้อยก็ในช่วงเวลา 30 ปีแรก และพระนางยังคงอยู่กับพระองค์อย่างต่อเนื่องเรื่อยมาแต่ทีจริงแล้ว พระนางมารีย์ก็เหมือนกับพวกเราทุกคน และพระเยซูเจ้าก็ใช้ชีวิตเสมือน "เด็กทั่วไป" ดังนั้น พระนางมารีย์จึงแลเห็นพระเป็นเจ้า เหมือนเราทุกคนคือ "แลเห็นพระองค์ด้วยสายตาแห่งความเชื่อ"
พระนางมารีย์สอนให้เรารู้จักการสวดภาวนาอย่างสุภาพถ่อมตนบท "มักญีฟีกัต" เป็นบทภาวนาที่แสดงถึงความสุภาพถ่อมตน และความอัศจรรย์ใจเมื่ออยู่เบื้องหน้าพระพรจากพระเป็นเจ้า ความสุภาพถ่อมตน มิได้เริ่มจากการสารภาพผิด แต่เป็นความพร้อมที่จะต้อนรับพระเป็นเจ้า หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ "การกล้าถวายพระเกียรติแด่พระเป็นเจ้า เพราะสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์ประทานแก่ท่าน"
ให้เรารู้จักการพิจารณามโนธรรมและการอภัยโทษ ขณะเดียวกัน ให้เรารู้จักมองสิ่งมหัศจรรย์รอบตัว ที่พระเป็นเจ้าทรงประทานให้
ให้เราเจริญชีวิตอยู่ในพระหัตถ์ของพระนางเช่นเดียวกับเด็กที่ปล่อยให้ผู้เป็นมารดานำทางไปเพราะ แม่พระจะนำเราไปตามเส้นทางแห่งการสวดภาวนาที่แท้จริง
(แม่พระยุคใหม่ 25 ปี : มีนาคม-เมษายน 2005)