แค่ฟางเส้นเดียว (บทความจากเราทุกคนต่างมีตะเกียง โดย คุณพ่อเชษฐา ไชยเดช)

นหมู่บ้านเล็กๆ ในชนบทแห่งหนึ่ง มีชาวนาคนหนึ่งเป็นคนน่ารัก และมีนิสัยโอบอ้อมอารี วันหนึ่งในขณะที่เขาเดินกลับบ้าน เขาเดินสะดุดก้อนหินล้มลง เขาคว้าเศษฟางติดมือมาเส้นหนึ่ง ดูเหมือนว่ามันเป็นเศษฟางเล็กๆ ที่ไม่มีค่าอะไร เขาเดินทางมาเรื่อยๆ พลันสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นแมลงปอสีสันสวยงาม เขาจึงใช้ฟางเส้นนั้นจับแมลงปอ เมื่อเดินทางไปได้ครึ่งทางเขาพบแม่ลูกคู่หนึ่ง เด็กคนนั้นเมื่อเห็นแมลงปอสีสวยเขาก็อยากได้ ชาวนาซึ่งเป็นคนใจดีและรักเด็ก จึงมอบแมลงปอให้กับเด็ก และเพื่อตอบแทนความใจดีของเขา แม่ของเด็กชายคนนั้นจึงมอบส้มให้กับเขาสามใบ

เขาเดินทางต่อมาและพบพ่อค้าเร่คนหนึ่ง หน้าตาของพ่อค้าดูอิดโรยด้วยความกระหายน้ำจนเกือบจะเป็นลม เขารู้สึกสงสารพ่อค้ามาก จึงมอบส้มทั้งสามใบให้พ่อค้าได้รับประทานเพื่อดับความกระหายน้ำ พ่อค้ารู้สึกประทับใจในน้ำใจของชาวนามาก จึงได้มอบผ้าให้กับเขาสามผืน เมื่อใกล้จะถึงบ้านเขาพบหญิงสาวแปลกหน้า แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่มีรอยปะไปทั่วตัว เขารู้สึกสงสารหญิงคนนั้น จึงมอบผ้าสามผืนที่เขาได้มาแก่หญิงผู้ยากจนคนนั้น เขาไม่ทราบว่า อันที่จริงแล้วหญิงสาวคนนั้น คือเจ้าหญิงที่ปลอมตัวมา เพื่อสืบหาคนที่มีน้ำใจดี จะได้ประทานรางวัลให้กับคนๆ นั้น เจ้าหญิงได้ประทานเงินทองให้กับเขามากมาย ชายชาวนานำเงินนั้นมาซื้อที่ดินได้หลายแปลง และด้วยความใจกว้าง เขาแบ่งที่ดินให้กับทุกๆ คนในหมู่บ้าน ได้ทำมาหากินกันด้วยความขยัน มันจึงเกิดผลผลิตมากมาย หมู่บ้านนี้จึงกลายเป็นหมู่บ้านที่ร่ำรวย และจุดเริ่มต้นแห่งความร่ำรวยนี้ก็มาจากฟางเส้นเดียว

ชวนรำพึง:

หลายๆ ครั้ง ความดีเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นบ่อเกิดแห่งคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ ความมีน้ำใจ ความเห็นใจที่ดูเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนหนึ่ง ก็อาจจะให้ผลดีที่เราคิดไม่ถึงเช่นกัน คำพูดที่สร้างสรรค์เพียงคำเดียวอาจจะเสริมสร้างสังคม และให้กำลังใจแก่คนที่อยู่รอบข้างได้มากมาย และเช่นเดียวกันชีวิตอันงดงามของคนบางคนก็อาจถูกทำลายอย่างไม่มีชิ้นดี ด้วยคำพูดหรือ การกระทำที่คนที่พูดหรือทำนั้น อาจจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องเ็ล็กน้อย