ข้าฯ มีอายุมากขึ้น พระเจ้าข้า
ภาวนาบทใหม่ ของ มีเชล คอยสท์ หยดเทียนแปล

 

 

         การมีอายุมากขึ้นเป็นการทดลองที่หนักหน่วง ถึงแม้ว่าชีวิตจะเป็นความยากลำบาก แต่หลายๆ คน ก็ต้องการยึดติดอยู่กับมัน แม้มันกำลังจะหลุดลอยไปจากเรา ความทุกข์ที่เจ็บปวดที่สุดคือ ความรู้สึกว่า คนหนึ่งไม่มีประโยชน์ และทำให้คนอื่นอยู่ในความยากลำบาก เมื่อคนนั้นยังต้องการที่จะช่วยเหลือต่อไป มันเป็นช่วงเวลาของการยอมรับ และเป็นความเชื่อที่จะต้องถูกชำระ ผ่านทางประสบการณ์ชีวิต

         การมีอายุมากขึ้น ไม่ใช่หนทางไปสู่ความตาย แต่เป็นหนทางแห่งชีวิต เป็นความสมบูรณ์ของชีวิต และเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์ตลอดไป แต่ต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่ยากลำบาก หนทางที่จะนำไปสู่อีกชีวิตหนึ่ง เช่นเดียวกับเมล็ดข้าวที่ต้องถูกฝังลงในพื้นดิน ก่อนที่มันจะเกิดขึ้นมีชีวิตใหม่

       สำหรับผู้อาวุโส... เวลาที่ผ่านไปนั้น เพียงแค่ผ่านไปก่อนผู้อื่น ยังไม่ใช่ชีวิตในพระเยซูเจ้า เหมือนกับที่พระองค์ทรงดำรงอยู่ในเรา นี่เป็นเงื่อนไขของผลผลิตที่ลุถึงความสมบูรณ์ในองค์พระเยซูเจ้า

ข้าฯ มีอายุมากขึ้น พระเจ้าข้า การมีอายุมากขึ้น นั้น ยากลำบาก
ข้าฯ วิ่งไม่ไหวแล้ว แม้แต่เดินเร็วๆ ก็ยังทำไม่ได้
ข้าฯ ยกของหนักไม่ไหวแล้ว แม้แต่เดินเร็วๆ ขึ้นบันได
มือของข้าฯ เริ่มสั่น ตาของข้าฯ ก็เริ่มอ่อนล้าอย่างรวดเร็ว เมื่ออ่านหนังสือมาก
ความจำของข้าฯ เริ่มเสื่อมลง และบางครั้งก็ลืม วันนี้ หรือชื่อที่คุ้นเคยไปบ่อยๆ
ข้าฯ มีอายุมากขึ้น พระเจ้าข้า และความสัมพันธ์ที่เคยมีมาเนิ่นนานก็ค่อยๆ เลือนไปทีละคนสองคน
  และบางครั้งก็แตกสลายไป
หลายคนที่ข้าฯ รู้จัก หลายคนที่ข้าฯรัก จากไปและหายไป ในหนทางที่แสนไกล
จนกระทั่ง ทุกครั้งที่ข้าฯ อ่านหนังสือพิมพ์  
ก่อนอื่นข้าฯ จะรีบค้นหาชื่อของผู้ที่ตายจากไป ข้าฯ พบว่า ข้าฯ อยู่โดดเดี่ยว พระเจ้าข้า และยิ่งที่ยิ่งอยู่ตามลำพัง
อยู่โดดเดี่ยวกับความทรงจำของตนเอง อยู่กับความโศกเศร้าของอดีตกาล
  ซึ่งดูเหมือนเป็นความจริงเสมอในดวงใจของข้าฯ
  ในขณะที่ความชื่นชมยินดีในอดีต ดูเหมือนหายไปหมดแล้ว
เข้าใจข้าฯ ถ้วยเถิด พระเจ้าข้า พระองค์ทรงยอมแผดเผาการเป็นอยู่ของพระองค์ โดยใช้เวลาสามสิบสามปี
พระองค์ไม่ทราบดอกว่าเป็นอย่างไร เมื่อมีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างช้าๆ
  และอยู่กับมัน ในขณะที่ชีวิตค่อยๆ หนีหายไป จากสังขารที่เสื่อมโทรม
เหมือนกับเครื่องจักรที่เกียร์หมดสภาพ หรือเครื่องจักรที่หมดสภาพแล้ว
ยิ่งกว่านั้น ต้องอยู่ที่นั่น รอคอย และรอคอยให้เวลาผ่านไป
  เวลาซึ่งผ่านไปอย่างเชื่องช้าในแต่ละวัน
 
ซึ่งดูเหมือนกำลังเล่นตลกกับข้าฯ เดี๋ยวก็ไปข้างหน้า เดี๋ยวก็มาข้างหลัง
  ไม่ยอมเปิดทางให้กับกลางคืนที่จะมาถึง และสุดท้าย... กว่าจะยอมให้ข้าฯนอนหลับ
จะเชื่อได้อย่างไร พระเจ้าข้า ว่าเวลา 24 ชั่วโมงของวันนี้ ... จะเป็นเวลาเท่ากันของวันก่อนๆ นั้น

เวลาที่ผ่านไปรวดเร็วในแต่ละวัน

แต่ละเดือน เร็วจนข้าฯ คาดไม่ถึง และจากไปอย่างรวดเร็ว
 
จนข้าฯ ไม่สามารถจะทำให้เกิดชีวิต
แต่วันนี้ พระเจ้าข้าฯ ข้าฯ มีเวลา มีเวลาเหลือเฟือ เวลาที่ผ่านไป ข้าฯ ไม่ได้ใช้ประโยชน์
 
ข้าฯ อยู่ที่นั่น เคลื่อนไหวไม่ได้ และไม่มีประโยชน์อะไร
ข้าฯ มีอายุมากขึ้น พระเจ้าข้า และการมีอายุมากขึ้นนั้น เป็นความลำบาก ลำบากเสียจน เพื่อนบางคนของข้าฯ
 
อ้อนวอนขอให้ชีวิตจบลงเสียที
ชีวิตที่สำหรับพวกเขา ดูเหมือนไร้ค่าเสียแล้ว
พระเจ้าตรัสว่า พวกเขาคิดผิด ลูกรัก และลูกก็คิดผิดด้วย บางที ลูกก็ไม่พูดความจริงอย่างพวกเขา
 
ทั้ง ๆ ที่บางครั้ง ลูกก็คิดเช่นเดียวกับพวกเขา
พี่น้องชายหญิงทั้งหมดของลูก
ต้องการลูก
เรา ต้องการลูกในวันนี้
เช่นเดียวกับ เมื่อวานนี้
เพราะ หัวใจที่เต้นอยู่ ถึงแม้ใกล้จะจบลง
ก็ยังให้ชีวิตแก่ร่างกาย ที่มันอาศัยอยู่
ความรักในดวงใจนั้นก็ยังคงเดินหน้าต่อไป
บ่อยครั้งก็เข้มแข็งและบริสุทธิ์มากขึ้น
  เมื่อร่างกายอันเหนื่อยอ่อน ค่อยๆ ให้ที่ว่างแก่มัน
บางคนที่เต็มด้วยชีวิตชีวา ตามที่ลูกเห็น
กลับกลายเป็นคนไร้ความรัก
ในขณะที่ บางคนแสนจะธรรมดา
กลับเจิดจ้า ด้วยความรักที่ไม่สิ้นสุด
จงมองดูแม่ของเรา มารีย์ ผู้ร้องไห้
สงบนิ่งอยู่ ณ แทบเชิงไม้กางเขนของเรา
แม่อยู่ที่นั่น ยืนอยู่ตรงนั้น อย่างมั่นคง
แม่ไม่มีอำนาจอะไรเลย ไม่มีอำนาจจริงๆ
แม่.... ไม่ได้ทำอะไรเลย แม่ เพียงอยู่ที่นั่น
ยอมรับอย่างสิ้นเชิง จดจำทุกสิ่ง และมอบตัวเองทั้งหมด พร้อมกับเรา
แม่.... ร่วมในการไถ่กู้โลก
โดยการถวายความรักของชายหญิงที่สูญหายไปตามกาลเวลาที่ผ่านไป
  กลับคืนสู่เรา
ในวันนี้ พร้อมกับพระแม่
ผู้ยืนอยู่แทบเชิงไม้กางเขนของโลกนี้
  เจ้าต้องรวบรวมความทุกข์ยากของมนุษยชาติ
  ไม้แห้งที่ต้องถูกเผาด้วยไฟแห่งความรัก
จงต้อนรับความพยายาม และความชื่นชมยินดีด้วย เพราะ การเก็บดอกไม้ที่สวยงามเป็นสิ่งดี แต่จะไม่มีประโยชน์อะไร
  จนกว่าจะมอบช่อดอกไม้นั้นให้แก่ใครบางคน
  มีหลายคนที่คิดถึงการมีชีวิต แต่ลืมที่จะให้ชีวิต
จงเชื่อเรา ชีวิตของเจ้าในขณะนี้ จะร่ำรวยกว่าที่เคยเป็นเมื่อวานนี้
  ถ้าเพียงแต่เจ้าจะยอมรับการมีอายุมากขึ้น
  ถ้าเจ้าจะยอมรับการสงบนิ่งที่จะเฝ้าดูยามค่ำคืนของชีวิต และถ้าเจ้าเป็นทุกข์
  เพราะว่า ไม่มีอะไรอยู่ในมือของเจ้าที่จะนำมาถวาย
  ก็จงถวายความไม่มีอำนาจของเจ้า และพร้อมกับเรา เราบอกเจ้าแล้ว
  เราและเจ้าจะร่วมกันไถ่กู้โลก

        

  เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา ก็จะทำกิจการที่เรากำลังทำอยู่ด้วย และจะทำกิจการที่ใหญ่กว่านั้นอีก เพราะเรากำลังจะไปเฝ้าพระบิดา สิ่งใดที่ท่านทั้งหลายขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น เพื่อพระบิดาจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในพระบุตร ถ้าท่านทั้งหลายขอสิ่งใดในนามของเรา เราจะทำให้ (ยน. 14:12-14)

     พระองค์ตรัสว่า 'เรา่บอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีใครที่ละทิ้งบ้านเรือน ภรรยา พี่น้อง บิดามารดาหรือบุตร เพราะเห็นแก่พระอาณาจักรของพระเจ้า แล้วจะไม่ได้รับสิ่งตอบแทนหลายเท่า ณ บัดนี้ และได้รับชีวิตนิรันดรในโลกหน้า' (ลก 18:29)

     แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาของมนุษย์และของทูตสวรรค์ได้ ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็เป็นแต่เพียงฉาบหรือฉิ่งที่ส่งเสียงอึกทึก แม้ข้าพเจ้าจะประกาศพระวาจา เข้าใจธรรมล้ำลึกทุกข้อ และมีความรู้ทุกอย่าง หรือมีความเชื่อพอที่จะเคลื่อนภูเขาได้ ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด แม้ข้าพเจ้าจะแจกจ่ายทรัพย์สินทั้งปวงให้แก่คนยากจน หรือยอมมอบตนเองให้นำไปเผาไฟเสีย ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็มิได้รับประโยชน์ใด (1 คร 13:1-3)