สุขใจ......ในสัมผัสของพระเจ้า
ถ้าหากวันนี้มีใครสักคนมาถามว่า "ชีวิตในช่วงนี้มีความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง? ก็คงจะพบคำตอบทั่ว ๆ ไป สบายดี ไม่เจ็บ ไม่ปวด หรือเฉย ๆ ถ้าถามต่อไปอีกว่า "มีความสุขไหม?" คำถามนี้แปลก ถามง่าย ๆ แต่ตอบยาก เอ! ตอนนี้มีความสุขจริงหรือเปล่า เอาละ เรามาลองสำรวจในใจของเราเอง ดูซิว่าจะเป็นอย่างไร
ปัจจุบันเราได้ประสบความสำเร็จอะไรบ้าง ที่ทำให้เรามีความสุข เช่น สอบเข้าเรียนได้แล้ว พบรักหวานชื่น ได้งาน ทำแล้ว เงินเดือนขึ้น ซื้อบ้าน ที่ดิน รถคันใหม่ มีเงินในบัญชีเพิ่มขึ้น ถูกหวย รวยหุ้น มีเงินไปเที่ยวหาความสุข สุขภาพแข็งแรง ฯลฯ แต่ถ้าเหตุการณ์ตรงกันข้าม แบบนี้....
การเรียน ช่วงนี้มีการประกาศผลสอบ ลองมาดูเหตุการณ์ต่าง ๆ คนสอบได้ก็แสดงความดีใจ กระโดดจับไม้ จับมือเป็นการใหญ่ บางทีเผลอไปจับมือเพื่อนที่สอบไม่ได้ เพื่อนก็ทำหน้าเศร้า ไม่รู้จะดีใจไปกับเขาทำไม เกิด ความน้อยเนื้อต่ำใจ เป็นทุกข์เสียใจ บางคนมีมากจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ดูหน้าใครเลยก็มี บางคนพ่อแม่ก็ดีใจ ลูกสอบเข้าได้ ก็เริ่มเป็นทุกข์ จะหาเงินที่ไหนมาให้ลูกเรียนได้จนจบ ตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีเงินเหลืออยู่แล้ว หยิบยืมก็ลำบาก ตกลงเป็นสุขหรือทุกข์กันแน่
ความรัก รักเอยเป็นไฉน ทำไมพ่อแม่ไม่เข้าใจเราบ้าง? กีดกันเราทำไม เราสัญญากันแล้วจะรักกันตลอดไป บางคนต้องแยกจากบ้านเพื่อความรัก บางคนต้องกู้หนี้ยืมสินมาแต่งงาน บางคนถูกคนรักทอดทิ้ง ถึงไม่แยกกันอยู่ก็ไม่อยากมองหน้ากันก็มี บางคนมีปัญหาตั้งครรภ์ก่อนเวลาอันสมควร บางคนกลับมีอาการ เฉย ๆ กับชีวิตคู่
สูญเสียบุคคลที่เรารัก พ่อแม่ ญาติ หรือลูก ฯลฯ
การงาน ทำไมถึงหางานทำไม่ได้สักที ไม่อยากทำงานต่อไป อย่างนี้ต้องลาออกอยู่ไปทำไม คนอื่นก้าวหน้า แต่เราละ อุตสาห์อยู่ทำงานมาตั้งนานจะให้เราออกทำไม แล้วเราจะไปทำอะไรได้ อายุก็มากแล้ว ความรู้ก็ตก ขอบ ไหนจะมีหนี้สินอีกละ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ บัตรเครดิต จิปาถะ จะทำอย่างไร? เราตั้งใจจะทำงานนี้ตลอดไป เรารักงาน นี้มาก ใช่เลย เป็นงานที่เราชอบที่สุด แต่ทำไมต้องเลิกกิจการ
เงินทองทรัพย์สมบัติ มีใครบ้างไม่อยากรวย มีเงินก็นับเป็นน้อง มีทองก็นับเป็นพี่ ไปไหนก็มีคนนับหน้า ถือตา กว่าจะมีเงินเราต้องลำบากกันมาก ต้องเรียนสูง ต้องขยัน ต้องรู้จักใช้เงิน บางครั้งเราก็เหมือนคนเห็นแก่ตัว ใช้ทุกโอกาสที่จะตักตวง บางคนอาจจะรวยทางลัด ถูกหวย รวยหุ้น ได้รับมรดก ฯลฯ .. แต่ทำไมชีวิตต้องเป็นเช่นนี้
รายได้หายไปเฉย ๆ ต้องเสียเงินค่ารักษาพยาบาลตัวเองหรือคนที่เรารัก ต้องออกจากงาน คนที่เลี้ยงดูเราต้อง จากไป เงินที่ผ่อนบ้าน วันดีคืนดี บริษัทขายบ้านไม่รู้ไปไหน ไม่มีเงินส่ง พอมีอุบัติเหตุถูกไฟไหม้ พายุถล่ม น้ำท่วม ทรัพย์สินถูกยกเค้า ถูกจี้ ปล้น ตั้งแต่ถูกหวยครั้งนั้นแล้วไม่เคยถูกอีกเลย หุ้นตก เล่นการพนันเสีย สุขภาพกาย ใจ ชำรุดทรุดโทรม ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
สำหรับส่วนตัวของผู้เขียน ก็เป็นเช่นเดียวกัน มีทั้งสุขและทุกข์ ไม่ต่างกับผู้อื่น แต่วันที่เราเป็นทุกข์เสียใจซิ ใครจะ มาช่วยเรา? คนที่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตนเองโดยไม่ต้องการพึ่งพาใคร แม้แต่พระเจ้า จะต้องเป็นคนที่แกร่งที่สุด แต่จะมีสักกี่คน ยอดเงินค่าใช้จ่ายในดูหมอดู เป็นจำนวนมหาศาล เพียงแต่ให้เขาบอกว่า "ต่อไปเราจะดีขึ้น ประสบ ความสำเร็จ มีโชคแล้วนะ" หลาย ๆ คน ต้องเจ็บป่วยทางจิตใจ ร่างกายต้องเสียเงินค่ารักษาพยาบาล จนเป็นสาเหตุ ของปัญหาต่าง ๆ เพียงเพราะไม่รู้จักตนเอง
วันที่เกิดการหักเหในชีวิต หลังจากที่ประสบความพ่ายแพ้ สูญเสียในชีวิต จนต้องเข้า-ออก โรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ในวันนั้น คุณพ่อ (บาทหลวง) พาเข้าไปคุกเข่าต่อหน้าพระแท่นที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระมารดานิจจานุเคราะห์ "พ่อจะสวดให้ลูก ลูกได้ทำอะไรด้วยตนเองมามากแล้ว ให้พระทำให้ลูกบ้าง คอยฟังเสียงของพระ และทำตามน้ำ พระทัยของพระบ้าง" ช่วงนั้นมีความรู้สึกว่า เราไม่ได้อยู่คนเดียวต่อไปอีกแล้ว เกิดความเชื่อ ไว้ใจ และเป็นที่พึ่งสุด ท้าย .... ชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป เริ่มไปวัดอย่างสม่ำเสมอ ฟังพระวาจา เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ถึงแม้ชีวิตการทำ งานจะไม่ประสบความสำเร็จดังในอดีต โชคดีที่มีภรรยาเคยทำงานในวัด คงจะเป็นพระพรของพระที่เขาได้รับ และ พลังจากการสวดภาวนาของเขา ลูกสาวคนโตเป็นหลักในบ้าน มีความรัก และความรับผิดชอบต่อครอบครัว ทุ่มเท ทุกอย่าง จนประสบความสำเร็จในการงาน ด้วยแรงรัก ศรัทธา และความกตัญญูของลูกที่มีต่อพ่อแม่ ทำให้เกิดแรง บันดาลใจอยากที่จะทำให้ลูกมีความสุข จึงละเว้นการกระทำทุกอย่างที่จะทำให้ลูกต้องเสียใจ แต่ก็มีเวลาว่างมาก ภรรยาก็หางานมาให้ทำ นั่นก็คือการร้อยสายประคำ ใครจะไปรู้ว่า นั่นคือบ่อเกิดแห่งสายธาร เมื่อทำสายประคำ จำนวนมากพอ วันหนึ่งก็ไปให้คุณพ่อ คุณพ่อก็ไปแจกให้เด็กชาวเขาที่แม่แจ่ม แล้ววันหนึ่งก็มีจดหมายถึงบ้านฉบับ หนึ่ง ขอบคุณและเด็ก ๆ ก็ได้สวดให้กับครอบครัวของเรา เรารู้สึกประทับใจและเริ่มทำทุกวัน เป็นเสมือนงานอาชีพ หนึ่ง มีการผลิตเป็นระบบ และนำสายประคำไปแจกตามวัดต่าง ๆ และไม่นานมานี้ได้ไปเข้าเงียบพระเมตตา แลับมา ก็มาสวด ตอนเช้าเชิญพระจิต บ่ายสามโมงก็สวดพระเมตตา กลางคืนก่อนนอนก็สวด กิจวัตรประจำวันก็เป็นการ สวดสามเวลา และทำสายประคำไปเรื่อย ๆ จิตใจเกิดความสงบ การอ่านพระวรสารประจำวันจากไบเบิลไดอารี่ พระวาจาก็เริ่มซึมซับ การสวดบทถวายตัว เป็นการตอกย้ำความรู้สึกของเรา การสวดภาวนาพระเมตตาให้คนอื่น ทำให้เรามีความรู้สึกที่ดี รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และเข้าใจคำสวดยิ่งขึ้น บางครั้งที่มีอารมณ์หรือมีความประพฤติไม่ดี ที่เคยปฏิบัติในอดีต จะรู้สึกสัมผัสคำสวด "โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การประจญ แต่โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจาก ความชั่วร้าย" เข้ามาในจิตใจ เป็นสิ่งที่เตือนใจทุก ๆ ครั้ง ปัจจุบันนี้ครอบครัวของเรามีชีวิตที่สงบสุขจริง ๆ ราบรื่น อบอุ่น มีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดี ทุก ๆ ครั้ง ที่มีการสวดภาวนาจะมีความรู้สึกว่าพระอวยพรให้เรา ให้มีพระ เมตตาในจิตใจเรา เพื่อที่จะแบ่งปันความรักของพระให้ผู้อื่นต่อไป ให้ได้ทำกิจการตามที่พระประสงค์ ลูกวางใจใน พระองค์เพราะพระสัมผัสเราทุกวัน
อุดมศานต์-มิถุนายน 2002