ผู้มีใจบริสุทธิ์ มธ 5:1-2 โดย...ปลัดนุ

ายคนหนึ่งได้ทำหมวกของตนหายไป เขาตัดสินใจว่าวิธีที่ดีที่สุด เพื่อจะได้หมวกมาทดแทนก็คือ ไปที่วัดและขโมยหมวกของคนที่ไปร่วมพิธีที่วัดแห่งนั้น แต่พอเขาก้าวเดินเข้าไปในวัด ก็เผอิญที่คุณพ่อกำลังเทศน์เรื่อง บัญญัติสิบประการอยู่พอดี หลังมิสซาเขาเดินมาหาคุณพ่อ และสารภาพว่า "ที่จริงผมตั้งใจจะขโมยหมวกของคนอื่นในวัด แต่บทเทศน์ของพ่อได้ช่วยผมไว้ ทำให้ผมเปลี่ยนใจไม่ทำบาป"

"ดีแล้วล่ะลูก" คุณพ่อกล่าวอย่างภูมิใจ "เออ ไหนลองบอกพ่อหน่อยได้ไหมว่า พ่อพูดอะไรลูกจึงกลับใจ"

ชายที่ตั้งใจจะขโมยหมวกกล่าว "ครับ ตอนที่คุณพ่อสอนว่า อย่าเป็นชู้กับภรรยาของเพื่อนบ้าน ผมก็นึกออกทันทีว่า ผมลืมหมวกของผมไว้ที่ไหน" (The Net 500 stories By Frank Mihalic, SVD pp.32)


 

"การมีใจบริสุทธิ์" ในการดำเนินชีวิตเป็นข้อเรียกร้องที่พระเจ้าทรงประสงค์จากเรา ใน มธ 5:8 "ผู้มีใจบริสุทธิ์ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า" ทำให้เราเข้าใจว่า เพื่อที่เราจะพบกับพระเจ้าได้นั้น เราต้องมีใจบริสุทธิ์

การมีใจบริสุทธิ์ ไม่ใช่หมายถึงเพียงการไม่คิดหรือทำเรื่องลามกเท่านั้น แต่การมีใจบริสุทธิ์ในความหมายของพระวรสาร หมายถึง การมีใจเป็นอิสระจากท่าที และการกระทำทุกชนิดที่ตรงกันข้ามกับพระประสงค์ของพระเจ้า พูดง่ายๆ ก็คือเพื่อที่เราจะมีใจบริสุทธิ์ได้ เราต้องดำเนินชีวิตด้วยความจริงใจต่อพระเจ้า นั่นเอง

แล้วเราจะดำเนินชีวิตอย่างจริงใจเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้อย่างไร? เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพระเจ้าทรงประสงค์สิ่งใดจากเรา? คริสตชนไทยมีแบบฉบับอันงดงามแห่งความเชื่อ และการดำเนินชีวิตที่จริงใจต่อพระเจ้า อันเป็นตัวอย่างแก่เราได้ ท่านผู้นั้นก็คือ "บุญราศี คุณพ่อนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง" ของเรานั่นเอง ชีวิตของพ่อนิโคลาสน่าชื่นชมมาก ท่านเอาใจใส่ในการแปล (สอน) คำสอนตามบ้าน เยี่ยมเยียนกลุ่มคริสตชน ทุกคนที่เคยฟังคุณพ่อนิโคลาสเทศน์ จะรู้สึกประทับใจมาก ท่านเป็นคนตรง รักความยุติธรรม และที่สำคัญ ท่านมีความเชื่อและจริงใจกับพระในการดำเนินชีวิต

สมัยของพ่อนิโคลาสนั้น ไทยกับฝรั่งเศส ขัดแย้งกันทางด้านการเมือง คนไทยเกลียดฝรั่ง และเนื่องจากฝรั่งนับถือศาสนาคริสต์ จึงทำให้เกิดกระแสเกลียดชังคริสตังด้วย บรรดามิชชันนารีชาวฝรั่งเศสต่างถูกขับไล่ออกนอกประเทส พระสงฆ์ก็ขาดแคลน คริสตังต่างหวาดกลัว ตามวัดถูกสั่งให้ปลดกางเขน... พอดีช่วงนั้นถึงเวลาเข้าเงียบ คุณพ่อนิโคลาสก็ออกจากวัดโนนแก้ว เดินทางไปโคราชเพื่อไปรับคุณพ่อเลโอนาร์ด เข้ากรุงเทพฯ ด้วยกัน แต่ปรากฏว่า คุณพ่อเลโอฟังรายการสนทนาของ "นายมั่น-นายคง" อันเป็นรายการที่ทำให้คริสตังทั่วประเทศหวาดกลัว ท่านจึงตกใจกลัวรีบหนีไปวัดหัวไผ่ คุณพ่อนิโคลาสจึงไปเก้อ ท่านจึงตัดสินใจไปวัดบ้านหัน คิดจะรับคุณพ่ออัมโบรซิโอ (พ่อเตี้ยวัดบ้านหัน แต่พ่อเตี้ยก็หนีไปโดยไม่บอกใครเช่นกัน

ดังนั้นเย็นวันที่ 11 มกราคม ค.ศ.1941 พ่อนิโคลาสจึงย่ำระฆังที่วัดบ้านหัน เพื่อเรียกคริสตังมาสวดภาวนาค่ำ และแจ้งให้พวกเขามาฟังมิสซาในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ ตรงกับวันฉลองพญาสามองค์ ขณะที่สวดอยู่ก็มีคณะเลือดไทยกลุ่มหนึ่งไปที่วัด ได้ยินคุณพ่อก่อบทร่ำวิงวอนแม่พระ และสัตบุรุษก็ตอบรับว่า "ช่วยวิงวอนเทอญ" ทำให้พวกเลือดไทยไปรายงานกับนายอำเภอสี่คิ้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างผิดๆ ว่า พวกคริสตังตอบรับพร้อมกันว่า "ขอให้ฝรั่งเศสชนะไทยนี้เถิด" ดังนั้น คุณพ่อนิโคลาสจึงถูกจับ และถูกตัดสินจำคุก 15 ปี

ในระหว่างที่อยู่ในคุก ท่านก็ยังทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์โดยยังสอนคำสอน ปลอบโยน และโปรดศีลล้างบาปให้คนใกล้ตายถึง 68 คน ท่านปฏิบัติตามแบบฉบับของพระเยซูเจ้า คือ ให้อภัยบุคคลที่ใส่ร้ายท่าน ที่หลุมศพของท่านมีคำเขียนไว้ว่า "ตายเพราะความเชื่อ" และมีกิ่งมะกอก 2 กิ่ง อันเป็นเครื่องหมายแสดงความเชื่อของคนสมัยก่อนว่า "ผู้ตายได้เป็นนักบุญ" (เรียบเรียงเรื่องพ่อนิโคลาสจากหนังสือประวัติสังเขป คุณพ่อนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง)

คุณพ่อนิโคลาสดำเนินชีวิตอย่างผู้มีใจบริสุทธิ์จริงๆ ซึ่งเราก็เชื่อมั่นว่า ท่านได้เห็นพระเจ้าแล้ว ดังนั้นขอให้เราเลียนแบบอย่างจากชีวิตของท่านเถิด ดำเนินชีวิตด้วยความจริงใจและบริสุทธิ์ใจเสมอ และเราจะได้รับตามที่พระเยซูเจ้าทรงสัญญา นั่นคือ "ผู้มีใจบริสุทธิ์ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า"