นักบุญหลุยส์ กษัตริย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์
(ค.ศ.1226-1270) |
ฉลองวันที่ 25 สิงหาคม (จาก....
แม่พระยุคใหม่) |
กษัตริย์หลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส เป็นองค์รัชทายาทสืบราชสมบัติ ในขณะที่มีพระชนมายุเพียง 12 ปี เมื่อพระราชบิดาจากโลกนี้ไป พระนางบลองช์แห่งคาสตรีย์ (Blanche de Castille) จึงทรงเป็นทั้งพระราชมารดา และผู้สำเร็จราชการ พระนางทรงอบรมเลี้ยงดู เตรียมพระราชโอรสให้เป็นแบบอย่างของกษัตริย์คริสตังที่ดี และได้รับการยกย่องสรรเสริญตลอดมา
ชีวิตในครอบครัว
เมื่อมีพระชนมายุ 20 พรรษา พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ทรงอภิเษกสมรสกับมาร์เกอริตแห่งโปรวองส์ พระองค์ทรงรักพระมเหสีมาก และทรงดำเนินชีวิตครอบครัวในสายพระเนตรของพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงใช้เวลา 3 คืนแรกหลังงานอภิเษกในการสวดภาวนา และทรงสัตย์ซื่อต่อพระมเหสีจนตลอดชีวิต
พระเจ้าหลุยส์ทรงเลี้ยงดูบุตรธิดา 11 องค์ตามแบบอย่างคริสตังที่ดี ครั้งหนึ่งทรงมีจดหมายถึงเจ้าชายฟีลิป พระราชโอรสว่า "ลูกรัก ก่อนอื่น ขอให้ลูกรักพระเป็นเจ้าสิ้นสุดจิตใจ และสุดความสามารถ เพราะหากปราศจากความรักต่อพระองค์ การกระทำอื่นใดก็ไร้คุณค่า" พระองค์ทรงเป็นบุคคลที่น่ารัก ร่าเริง และเป็นสหายที่ดีต่อทุกคนที่รู้จักพระองค์
ในฐานะกษัตริย์
เมื่อทรงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์หลุยส์ที่ 9 พระปรีชาญาณและบุคลิกที่ดีเด่นของพระองค์ เป็นที่เล่าขานกันทั่วทวีปยุโรป โดยเฉพาะพระปรีชาญาณในเรื่องการตัดสินให้ความยุติธรรมแก่ผู้คนทั้งในและนอกประเทศ ภาพของพระองค์ขณะประทับอยู่ใต้ต้นโอ๊ค ในป่าแว็งแซนส์ (Vincennes) ขณะทรงตัดสินคดี เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม เป็นประจักษ์พยานในเรื่องนี้เป็นอย่างดี พระองค์ทรงรับคำร้องของประชาชนทุกคน และทรงอนุญาตให้ทุกคนเข้าเฝ้าเพื่อทรงตัดสินคดีความได้ทุกคดี นอกจากนั้น พระองค์ยังทรงตรากฎหมาย ห้ามมิให้ผู้พิพากษาทุกคนรับของกำนัลใดๆ
นอกจากเรื่องการให้ความเป็นธรรมแล้ว พระองค์ยังทรงให้ความรักแก่คนยากจน และผู้เจ็บป่วย ทำแผลดูแลผู้ป่วยด้วยพระองค์เอง ทรงรับประทานอาหารร่วมกับผู้ยากไร้ และคนตาบอด เพราะทรงแลเห็นพวกเขาเป็นพระคริสตเจ้าที่กำลังทนทุกข์ทรมาน
การให้เวลาเพื่อช่วยผู้ที่ตกอยู่ในความยากลำบากต่างๆ นั้น มิได้เป็นอุปสรรคใดๆ ต่อการปกครองพระราชอาณาจักรของพระองค์ พระองค์ทรงปกครองอย่างเสมอภาคในเรื่องการเก็บภาษี และโปรดให้มีกานใช้สกุลเงินขึ้นใหม่ ทรงโปรดให้มีการสร้างอาสนวิหาร และท่าเรือหลายแห่ง ทรงโปรดให้สร้างที่พักสำหรับนักศึกษาที่ยากจน และทรงหาวิธีช่วยเหลือให้ประชากรของพระองค์มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอยู่เสมอ
พระนามของพระองค์เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ทรงได้รับเชิญให้เป็นผู้ตัดสินคดีความระหว่างประเทศ พระองค์ตรัสเสมอว่า "การใช้กำลังต่อสู้กัน มิใช่วิธี แก้ปัญหาที่ดี" พระองค์ทรงแสวงหาวิธีการต่างๆ เพื่อให้ความเป็นธรรม ทรงลงพระนามเป็นมิตรกับกษัตริย์ประเทศอังกฤษ โดยยอมสูญเสียดินแดนบางส่วนที่ยังพิพาทกันอยู่ แม้จะทรงได้รับการคัดค้านจากบรรดาที่ปรึกษา แต่พระองค์ทรงประกาศว่า "ดินแดนที่เรามอบให้โดยไม่มีพันธะใดๆ นี้ แสดงถึงความรักที่เรามีต่อลูกหลานของเรา และของอังกฤษ ซึ่งที่จริงก็เป็นเครือญาติกัน" การลงพระนามของพระองค์ในครั้งนั้น ยังความสงบแก่ประเทศทั้งสองต่อมาอีกนานหลายสิบปี
สงครามครูเสด
หลังจากที่ทรงหายป่วยอย่างอัศจรรย์ในปี ค.ศ.1244 พระองค์ทรงตัดสินพระทัยไปร่วมรบในสงครามครูเสด โดยตรัสว่า "พระเป็นเจ้าประทานคืนชีวิตให้เรา เพราะพระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้เราตัดสินใจเช่นนี้" ในปี 1248 ทรงออกเดินทางไปยังประเทศอียิปต์ ซึ่งเป็นศูนย์อำนาจของอาณาจักรมุสลิม กองทัพของพระองค์ได้รับชัยชนะอยู่บ้าง แต่ที่สุดกองทับครูเสดก็พ่ายแพ้ และทรงถูกจับที่เมืองมันซูราห์ กระนั้นก็ดี พระองค์มิได้ทรงแสดงความหวาดหวั่น จนเป็นที่ประทับใจของฝ่ายศัตรู และเมื่อทรงถูกขู่สังหาร พระองค์ทรงตอบอย่างเยือกเย็นว่า "พวกท่านคงฆ่าเราได้แต่ร่างกายเท่านั้น แต่ไม่มีวันฆ่าวิญญาณของเราได้" พระองค์ทรงใช้เงินไถ่เหล่าทหาร แต่สำหรับตัวพระองค์เองนั้น ทรงไถ่ด้วยการคืนเมืองดาเมียต โดยทรงให้เหตุผลว่า "เงินทองไม่สามารถไถ่กษัตริย์ประเทศฝรั่งเศสได้" ทั้งนี้เพื่อรักษาเกียรติภูมิความเป็นกษัตริย์ของพระองค์
แม้ว่าการทำสงครามครูเสดในครั้งนั้นจะล้มเหลว แต่พระเจ้าหลุยส์ก็ยังถือเป็นผู้ชนะในด้านศักดิ์ศรี พวกมุสลิมประทับใจกับความเชื่อของพระองค์ เมื่อได้รับอิสรภาพแล้ว พระองค์ทรงใช้เวลาอยู่ในประเทศซีเรียอีก 4 ปี เพื่อสร้างป้อมปราการ และเมืองต่างๆ ในครอบครองของกองทับครูเสด
พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ทรงรบในสงครามครูเสดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นสงครามครูเสดครั้งที่ 8 ในปี ค.ศ.1270 แต่กองทัพของพระองค์อยู่ใกล้เมืองตูนีส ที่มีกาฬโรคกำลังระบาดอยู่ และไม่นานพระองค์ก็ทรงเป็นโรคร้าย และเสด็จสวรรคตในวันที่ 25 สิงหาคม 1270 คำพูดสุดท้ายของพระองค์ตรัสถึงพระคริสตเจ้าว่า "เราจะเข้าสู่เคหาสน์ของพระเจ้า เราจะเข้าไปในพระวิหารอันศักดิ์ของพระองค์ และเราจะกล่าวถึงพระนามของพระองค์"
นักบุญหลุยส์ทรงมีพระประสงค์ให้มีการประกาศพระศาสนาในเมืองตูนีส และดังนั้นข้อความส่วนหนึ่งในสัญญาสันติภาพที่ทำขึ้น หลังจากที่พระองค์เสด็จสวรรคตแล้วคือ นักบวชคาทอลิก สามารถสร้างวัดวาอารามและประกาศพระศาสนาได้ ซึ่งเป็นชัยชนะตามพระประสงค์ของท่านนักบุญหลุยส์